วันนี้ลาครึ่งวันบ่ายไปหาหมอที่
Raffles Hospitalตามนัด ทั้ง Rheumatologist และ Physio พอเดินออกมาจากoffice ขึ้นรถก็ happy ขึ้นมาทันทีเลย ไปหาหมอRheumatologist ผลตรวจเลือดออกมาก็ปกติทุกอย่าง ค่าอยู่ในระหว่างที่เขากำหนดไว้ทุกอย่างเลย อันนี้เป็นการตรวจเลือดเพื่อหา Rheumatism Factor เช็คระดับเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบิน และก็อะไรอีกหลายอย่างที่ไม่รู้จัก ก็ค่อยยังชั่วหน่อย สงสัยจะเป็นเพราะเครียสอย่างเดียว และก็ขอให้หมอเขียนจดหมายRecommend ว่าให้กลับไปอยู่บ้านที่มีคนTake care จะดีว่า บอกหมอว่าอยู่ที่นี่คนเดียวต้องทำอะไรเองทุกอย่าง ลำบาก เดินก็ลำบาก ก็ได้จดหมายมาแล้วนะ แล้วจากนั้นก็ไป Physiotherapy ชั้น13 หมอก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว ส่วนเว้าใต้เท้ามีมากขึ้นแล้ว ตอนแรกปวดเพราะกระดูกที่เป็นส่วนเว้าใต้เท้ามันลงมาต่ำและกดกลางเท้าและด้านหน้า ทำให้ปวดไปหมด ก็ดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังต้องใส่พื้นหนุนเท้าไปเรี่อยๆก่อน สลับกับไม่ใส่บ้างก็ได้แล้ว วันนี้ก็เหมือนเดิมคือ นวดตรงหลังข้อเท้าและหลังน่อง และก็ไปนอนทำ Shortwave เขาให้นอนคว่ำแล้วเขาก็เอาผ้าขนหนูมาคลุมเท้า แล้วก็เอาเครื่องอะไรไม่รู้มาอัง มีลักษณะเหมือนเอาหนังสือมาเปิดกางแล้วคลุมไว้ ทำนองนั้น มันก็จะให้ความร้อนตรงเท้า ก็จะรู้สึก ตึ๊ดๆ เป็นจุดๆตรงเท้าที่เจ็บเลย จากนั้นก็ไปทำ "Ultrasound" ไม่ใช่จะดูอะไรหรอก แต่อัลตร้าซาวด์นี้เขาบอกว่าช่วยลดอาการอักเสบ ถามหมอว่ามันลดยังไง หมอก็บอกมันส่งคลื่นเข้าไปแล้วไปช่วยลดอาการอักเสบ มันช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นด้วย มันไปช่วยในระดับเซล มันยากเกินกว่าที่ยูจะเข้าใจแหละ อ้าว.. ก็ทำอัลตร้าซาวที่เท้า แล้วก็ไปทำอีกอย่างนึง อันนี้อันใหม่ไม่เคยทำเลย คราวนี้เป็นครั้งแรก เขาเอาแผ่นๆที่ส่งกระแสไฟฟ้าจากบวกไปลบมาแบะ เข้าใจว่าแผ่นนึงเป็นบวก อีกแผ่นนึงเป็นลบ แล้วประมาณว่า ส่งกระแสไฟฟ้าระดับอ่อนผ่านเท้า! มันจะรู้สึกเหมือนชาขาแบบว่ามีเข็มเล็กๆมาตำแบบนั้น เหมือนตอนขาชาแต่จะเป็นระยะๆ ชาหยุด-ชาหยุด และก็ตั้งระดับความแรงได้ ตอนแรกที่ลองแบบแรง โอ๊ย! เจ๊บเจ็บ ก็ทำตั้ง 15นาที ในระหว่างนั้นนอนๆไปก็คิดว่าที่เขาใช้ไฟฟ้าป๊ำหัวใจ มันก็คงรู้สึกอย่างนี้แต่แรงกว่า(ถ้ายังรู้สึกหละนะ) กายภาพบำบัดคราวนี้น๊านนาน ตั้งเกือบ 2ชั่วโมงแหนะ ไปตั้งแต่ 3โมง ออกมาก็5โมงแล้ว แต่ก็ค่อยโล่งใจหน่อยไม่เป็นอะไรมาก ระดับเม็ดเลือดขาวก็ปรกติ หมอบอกว่าถ้ากินยาอีก2อาทิตย์ แล้วไม่เป็นมากแล้วก็ทำกายภาพบำบัดอย่างเดียว ไม่ต้องมาแล้ว พอไม่เป็นโรคนะ หมอก็ตัดหางซะ...
จากนั้น...ฮิ ฮิ ก็ไป ช็อปปปปิง ถามเพื่อนมาแล้ว คือว่าแถนนั้นมันมีที่ช็อปอยู่ใกล้ๆ ไม่เคยไปด้วย เห็นเพื่อนชอบไปซื้อก็เลยอยากลองไปดู อยากได้กางเกงใหม่เพราะช่วงนี้ใส่แต่กางเกง ไม่งั้นเย็นขา ก็เลยไปนะ ออกจากโรงบาลฝนตกด้วย แต่ก็มีร่ม ไม่เป็นไร ก็ไปเดินที่ Bugis จะเป็นซอยๆเข้าไป มีลักษณะเหมือน JJ ปน สยาม ปน สวนลุมไนท์ มีร้านเล็กๆติดๆกันเต็มไปหมดเลย และของก็ต่อได้อีกตังหาก แต่เพื่อนบอกว่า ต้องทำเป็นเหมือนSingaporianนะ เขาถึงจะลด "Auntieๆ ดา ดา ด๊า ด๋า (อะไรซักอย่างในภาษาจีนที่แปลว่า ลดหน่อยน่า ป้า นะ นะ)" เพื่อนอีกคนก็หัวเราะและบอกว่า No need laa- I ก็เอ่อ.. Ok laa-- (?_?) แล้วจะรู้มั๊ยเนี่ย ก็ไปเดินๆดูมีแต่เสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อแปลกๆและกระโปรง ก็ถูกไม่แพง แต่เหมือนจาเอามาจากไทยยังไงยังไง มีแต่เด็กวัยรุ่นและไม่มีกางเกงอะไรที่พอจะใส่ไปทำงานได้เลย ก็เลยไปซื้อหนมกิน เหมือนเครปกรอบๆ อันเล็กกว่าเครปแต่ใหญ่กว่าขนมเบื้อง เอาใส้ถั่วแดง อย่อย.. เดินออกมามีเขาเอา Thailand Coconut มาขายด้วย! เป็นเหมือนมะพร้าวเผาแต่สงสัยไม่เผา เพราะไม่เห็นดำเลย อยากกินแต่ก็ไม่ได้กิน เพราะซื้อน้ำ(ที่ไม่อร่อย)มาแล้ว "Sour plum" เหมือนเอาบ๊วยที่ใช้ทำแกงจืด(เก่าๆ)มาต้มให้กิน โถ่...
ก็เลยข้ามถนนไปช๊อปที่ห้าง Seiyuดีกว่า มี Great Singapore Sales ลดทั้งห้าง คนเต็มเลยะ ก็ตรงไปชั้นเสื้อผ้าเลยะ โฮะ! โฮะ โฮะ Joop ลด โฮะ! เลยได้มาเต็มเลยะ ได้เสื้อฝากน้องด้วย ซื้อจนได้บัตรสมาชิก(ตลอดชีพ) โฮะ แต่ก็ซื้อไปไม่ถึง 2,500บาท แต่ได้เสื้อมาหลายตัวเลย Happy! แต่ก็ไม่ได้กางเกงอย่างที่ตั้งใจ ได้กระโปรงอีกแล้ว ไม่ใส่ละกางเกง ฮีฮี Happyเลย จากนั้นก็เดินลงไปข้างล่าง โอ๊ะ!มีไอติมชาเขียวญี่ปุ่นขาย เลยไปต่อคิวซื้อเลย มีไอติมรส วาซาบิด้วย ย้ำวา-ซา-บิ เอ่อ จากินได้ไหมเนี่ย พอซื้อเสร็จ มีพูอ Arigatogozaimashita ด้วย..ขนาดน้าน..
ฮีฮี ก็ถึงเวลากลับบ้านละน้า... ก็เดินไปขึ้นรถเมล์ ใครบอกคนสิงคโปร์ข้ามถนนเป็นระเบียบ ไม่ข้ามตรงที่ไม่มีไฟหรือม้าลาย ผิดคร๊าบ~ ที่ถนนหลังSeiyu นี้คนข้ามกันกรูแบบว่ารถเปิดไฟสูงใส่แล้วก็หยุดให้อะ ทำฝรั่งเสียนิสัยไปหลายราย มีฝรั่งคนนึงข้ามไปข้ามมา(และมาไปอีกนะ) อย่างสบายใจ
ฮ้า..มาถึงบ้านซะที พอลงรถเมล์ก็ "Yes!"(ในใจ)เลยนะ ซื้อของถูกใจ กลับมาบ้านพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน โฮะ โฮะ...
No comments:
Post a Comment