Plantar Fasciitis
(อ่านว่า plan-tar fash-ee-EYE-tiss แพลนท่าร์ แฟช ชี อาย ทิส)
วันนี้ไปหา
หมอใหม่ นั่งแท็กซี่ไปแดดร้อนเปลี้ยง หมอเปิดบ่าย2 ก็ไปนั่งรอหน้าร้านก่อน ซักพักคนมารอเต็ม เลยได้เข้าไปเป็นรายที่ 2 หมอหน้าเหมือนในรูปเลยที่เจอเมื่อวานเลย เขาก็ถามว่าเป็นอะไรบ้างให้เล่ามา ก็เล่าไป เค้าก็รู้จักหมอ Dr. Feng ด้วย เขาก็ให้เอาขาวางบนตักเขาแล้วเค้าก็จับใต้เท้าว่าเจ็บตรงไหนบ้าง พอเค้ากดตรงด้านหน้าของส้นเท้า ก่อนที่จะขึ้นมาเป็นส้นเท้า ก็ Ouch! เจ็บมาก เขาก็เนี่ย ไอว่ายู เป็น Classical case ของ แพลนท่าร์แฟชชีอายทิส
แล้วเขาก็เอาโมลเดลกระดูกเท้าที่มี Fascia (แฟสเซีย) แผ่นกล้ามเนื้อที่เป็นไฟเบอร์หนาๆที่ยึดกระดูกส้นเท้ากับกระดูกเท้าด้านหน้าไว้ มาให้ดู เขาก็บอก เนี่ยมันอักเสบตรงแฟสเซียนี้ แล้วเขาก็กดตรงส้นเท้าตรงที่เจ็บ แล้วบอกว่าเนี่ยกระดูกยื่นมาแหลมเชียว เขาบอกว่าเวลาแฟสเซียมันอักเสบ กระดูกมันจะงอกยื่นออกมาด้วย แล้วกระดูกนี้มันก็ไปกดแฟสเซีย ทำให้แฟสเซียเลือดออก กลับบ้านมาอ่านในอินเตอร์เน็ตเขาก็บอกว่า ที่กระดูกงอกนี้ (เรียกว่า Heel Spur) เป็นผลของอาการอักเสบ แต่ไม่ใช่เป็นตัวที่ทำให้อักเสบ คนที่เอ็กสเรย์แล้วเจอกระดูกงอกนี้แต่ไม่เจ็บปวดอะไรก็มี เพราะแฟสเซียไม่ได้อักเสบ หมอก็บอกว่าเนี่ยเดี๋ยวเอ็กสเรย์แล้วก็จะเห็นเลย
แล้วเขาก็บอกว่า เนี่ยเดี๋ยวฉีดยาไปตรงนั้น มันก็จะช่วยได้ มันจะได้ไปกระจายเลือดให้ออกไปแล้วก็ช่วยลดอาการอักเสบด้วย ยังไม่ทันไร พยาบาลก็มาพร้อมเข็มและสำลีเชียว ไอ้เราก็เฮ่ย!จะฉีดเลยเหรอ(นึกในใจ) ก็เลยถามหมอว่า ให้เอ็กสเรย์ดูก่อนไม่ได้เหรอ หมอก็หัวเราะแบบมันไม่ซีเรียสอะร้าย..แล้วบอก โอ้ยะเดี๋ยว อีกอาทิตย์ยูค่อยไปเอ็กสเรย์ก็ได้ แล้วจะเห็นเลย แล้วจะอธิบายให้ฟัง ว่าแล้วก็เอาสำลีแอลกอฮอล์ ถูด้านข้างของส้นเท้าด้านใน แล้วก็บอกเจ็บนิดหน่อยนะ เจ็บนี๊ดเดียว เจ็บนี๊--ดเดียว ไอ้พอเจ็บนี๊ดเดียวเนี่ยเชื่อไม่ได้ซักรายตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยเตรียมจับพนักวางแขนเก้าอี้แน่น แล้วหมอก็เสียบเข็มลงไป แล้วก็บอกอีกนะถึงเส้นเอ็นแล้วถึงกระดูกส้นเท้าแล้ว แล้วก็ฉีดชี๊ด ก็แป็บเดียว 5วิ แต่ก็เป็น5วิ ที่นานเพราะเป็นคนถูกฉีดนี่ ฉีดเสร็จ ดึงเข็มออก มีการหันมามองหน้าอีก บอกยูนี่เก่งนะ ใช้ได้เลยคนเขาร้องไห้กันเลยนะ ผู้หญิงก็ร้อง ผู้ชายก็ร้อง อ้าว..ไหนบอกไม่เจ็บ โกหกนี่! โกหกนี่! โดยฉีดยาไปจ๋อย ซึมบ็อกเลย ฉีดมันก็ไม่เจ็บเท่าไหรหรอกนะ แต่มันกลัว อะไรกันฉีดไปที่กระดูกเลยนะ ไม่รู้จะโอเคเปล่า ฉีดไปที่กระดูกเลยนะ!!! นี่มันกระดูกเท้านะ!!!! เสร็จพับ ปิดพัสเตอร์ หมอก็หมุนตัวไปที่โต๊ะ สั่งยา บอกว่ายาเก่าเนี่ยไม่ต้องกินก็ได้ มันเป็นยาแก้ปวด pain killer เฉยๆ (มีการอมยิ้มแบบหัวเราะเยอะหมอเก่าเวลาพูด) หมอก็เลยให้ยาคลายกล้ามเนื้อมากินตอนเย็น แล้วก็ยาแก้อักเสบมากินตอนเช้า และก็ยาเหมือนพวกโวทาเร็น(แต่เป็นอย่างอื่น)มาทา เสร็จเราก็ถามหมอว่าแล้วคิดว่าเมื่อไหรจะหาย หมอก็หัวเราะแบบ โอ๊ยะ (อีกแล้วครับ) 2-3วันก็หายแล้วเนี่ย เอ่อ..นี่หมายถึงหายเจ็บจากการฉีดยา รึว่าหายปวดเท้าเนี่ย เป็นมา 3เดือน อีก 2-3วันหายเลยเหรอ สงสัยหายจากปวดฉีดยา ก็แย่ซิ...
ซึมบ๊อก หน้าเซียวออกมาจากห้องหมอ ก็มารอยาและจ่ายตัง พอจ่ายตัง ไม่รับจ่ายทางบัตร ATM อีกแหนะ!! 82 เหรียญ!! เกือบไม่มีตังขึ้น Taxi กลับบ้าน วันนี้ที่จริงต้องไปทำกายภาพต่อ แต่โดยฉีดยาเข้ากระดูกซะขนาดนี้ คงไม่ไหว ก็เลยโทรไปแคนเซิลเค้า เสร็จออกมา น้ำตาก็เริ่มอักเอ่อ อักมาถึงคอละ คอละ จะทะลักแล้ว จะทะลักแล้ว ไม่ใช่เพราะเจ็บแต่เพราะโดนฉีดยาเข้ากระดูก! กระดูกเลยนะ! กลัวอะ..แล้วก็กระเผกออกมาหาแท็กซี่ เจอคันนึงก็รีบขึ้น คนขับก็ไม่รู้ไปหงุดหงิดมาจากไหนอีก ขับไปจึ๊จ๊ะ จึ๊จ๊ะไปตลอด ก็สวดมนต์ตลอดอย่าให้ชนเล้ย ชนจะทำไงเนี่ย น้ำตาก็ยังอักอยู่ก็เลยแม็สเสจไปหาเพื่อนและน้องสาวและหัวหน้าที่สนิท ไม่กล้าโทรไปหาแฟนหรือแม่ มีระเบิดโฮแน่ ก็เลยแม็สเสจไป เพื่อนก็ตอบมาก Yikes! ยั้ย! เข้ากระดูกเลยเหรอ
นั่งรถมาก็ยังไม่เจ็บมาก มาเจ็บมากก็ตอนลงรถ เจ็บมากๆเลย สงสัยยาออกฤทธ์แล้ว แบบต้องเอามือไต่อะไรข้างทางเพื่อรับน้ำหนักตัวไปเวลาเดินเจ็บมา--ก กลับมาถึงห้อง ก็เลยโทรไปหาแฟน พอได้ยินเสียงคุยไปซักพัก เริ่ม.. เค้าฉี-ด ย--า เข้ากระดู-ก อะ อา- อา- แล้วก็น้ำตาพลูร้องไหโฮ เขื่อนแตก พลูซะหมดเขื่อน แล้วก็เลยโทรไปหาแม่ คุยกับแม่เสร็จก็มาหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต ก็ได้ความหลายอย่างแต่เพลียมาก ขยับนิ้วเท้าข้างที่โดยฉีดก็ไม่ได้ เจ็บมาก สงสัยพรุ่งนี้จะไปเรียนเปียโนไม่ไหว ทำอะไรไม่ไหว พอมานึกๆดู โรคแพลนทาร์แฟชชีอาทิส นี้ ก็เป็นอันเดียวกับที่หมอ Dr. Feng วินิจฉัย ตอนที่ให้เขาเขียนจดหมาย Recommend ให้กลับบ้าน เขาบอกว่าเป็นโรคนี้ จำได้ว่าอ่านกันไม่ออก กับหัวหน้าคนญี่ปุ่น เสร็จจากอินเตอร์เน็ต เพลียก็นอนไป แบบว่า มันเจ็บมาก นอนไปก็น้ำตาพลูไหลมาสองข้างแก้ม แต่ไม่เหมือน อกหักนะเนี่ย อกหักหรือเสียใจนี่มันเจ็บใจ นี่รู้สึกเลยว่าใจไม่เจ็บร่าเริงหลั่นล้าอยู่ แต่ตัวขยับไปไหนไม่ได้ ก็เลยคิดทำไม่ร่างกายมันใจเสาะจัง ขยับนิดน้ำตาพลู ขยับนิดน้ำตาพลู ก็เลยนึกให้มันว่าอย่าพลู อย่าเสาะซิ ก็เลยพอโอพอนอนหลับไปได้หน่อย แล้วก็ตื่นมาอีกทีตอนทุ่มนึงเพราะท้องหิว ก็เลยต้องเดินถัดๆๆไปต้มน้ำใส่โจ๊กเห็ดถ้วยกิน... ทรมานจริง
ข้อมูลจาก
American Academy of Orthopaedic Surgeons
www.plantar-fasciitis.org
1 comment:
โถๆๆๆๆๆๆ น่าสงสารเหลือเกิน
ว่าแต่หน้าหมอคนแรกตลกจังเลยอ่ะ
Post a Comment