Friday, 4 August 2006

Sad.. Toes to Heel..

กลับมาประชุมที่ไทย ทำงานเสร็จก็ไปหาหมอคืนวันพฤหัส หมอบอกไม่เป็นไรมาก X-ray ออกมาปรกติ แต่ไม่ได้เอา X-ray film กลับมา หมอเป็นคลีนิคอยู่ที่วรจักรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกอยู่โรงพยาบาลกลาง ตอนไป X-ray น่ากลั้วน่ากลัว เป็นที่มืดๆ แล้วก็มีโต๊ะเหมือนอย่างกับว่าให้นอน X-ray ได้ เขาก็ให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะนั่น กลัวอะ กลัวตลอดเลย กลัวมาก.. แค่ไปยืนรอคนมา X-ray ให้ก็น้ำตาซึมแล้ว แล้วมันก็เป็นมุมมืดๆ แล้วก็มีม่านปิดได้ ก็นึกในใจขออย่าให้เขาปิดม่านเลย อย่าให้ปิดม่านเลย กลัว กลัวมาก พอเจ็บขาแล้วเหมือนกับว่า เวลาใครเขาจะมาทำอะไรเราก็ทำได้ เหมือนไม่มีความสามารถจะขัดขืนใดๆทั้งสิ้น แค่เอาตัวเดินไปที่ที่ต้องไปยังลำบากเลย ขยับก็ปวดแล้วจะยังขัดขืนอะไรได้ เวลาต้องไปทำอะไรที่ไม่คุ้นเคยคนเดียวก็รู้สึก Fragile ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่เคยป่วยก็คงไม่เข้าใจ ยิ่งไปหาหมอ หรือไปทำอะไรพวกนี้คนเดียว กลัวไม่รู้เขาจะทำอะไรกับเราบ้าง ก็ยังดีที่เขาไม่ปิดม่าน เขาก็ให้พลิกเท้าท่าโน้น ท่านี้เพื่อ x-ray ดู เสร็จเขาก็ให้ไปนั่นรอหน้าห้องหมอ กลัวมาก ยังไม่หายกลัว ไม่รู้ทำไมต้องมาทำอะไรที่กลัวขนาดนี้ พอได้เข้าไปหาหมออีก ก็คงหน้าเสียไปแล้ว ไม้รู้จะพูด จะถามอะไร ไม่อยู่ในสภาพแล้ว แล้วสรุปก็ไม่เป็นอะไร หมอก็ไม่ได้ให้ยามา หมอบอกบางทีใจไปอยู่ตรงนั้นมากก็ปวดมาก.. ก็ไม่ค่อยเข้าใจปวดมา 3 เดือนแล้ว ตอนนี้ก็ปวด ถ้าไม่แปะแผ่นแก้ปวดก็นอนไม่หลับ แล้วจะต้องทำยังไงบ้างเนี่ยต่อไป.. พอกลับมาก็ทะเลาะกับแฟนซะยกใหญ่อีก คุณพ่อ(ของแฟน)กับแฟนพาไป ไม่เคยนึกว่าไปกับครอบครัวกับแฟนแล้วจะต้องกลัวมากขนาดนี้ สรุปก็คือเขาไม่รู้ว่าเรากลัวโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าจะกลัวมาก เขาเอา x-ray film ของเขามาให้หมอดูด้วยเขาก็เลยไม่ไปด้วย สรุปก็คือเขาไม่รู้ว่ากลัวมาก แต่ก็ทะเลาะกันไปแล้วซะยกใหญ่ เท้าก็ปวด ตอนนี้มาปวด 3นิ้วเท้าสุดท้ายอีก ส้นเท้าอีก เศร้า ชีวิตมันจะอะไรกันนัก นี่ก็เลยเลื่อนตั๋วกลับวันอาทิตย์แทน ไม่ไปเรียนเปียโนวันพรุ่งนี้ บ่ายกลับมาบ้านก็นอนหลับไปตื่นนึง ตื่นมาก็ยังเก็กซิม

ตอนบ่ายแม่ก็เอาใบว่านอะไรไม่รู้ แม่บอก ใบพลับพลึง เอามาอังไฟให้มันร้อนๆแล้วก็เอามาห่อเท้า ก็เลยมีใบไม้ห่อเท้านอน ตอนเย็นน้าก็ไปเอาถุงร้อน ที่ซื้อมาจากญี่ปุ่นที่ใช้แปะเวลาหนาว มันเป็นถุงที่มีกาวใช้ติดกับตัวได้ ข้างในเป็นผงดินปืนที่ให้ความร้อน ก็เอามาแปะเท้าให้ร้อนๆ ก็เดี๋ยวก็คงนอนแล้วหละวันนี้ ชีวิตมันเศร้า..


แต่วันนี้ดี ดูในหลวงออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ค่อยยังชั่วหน่อย

นอกจากนี้ ก่อนกลับสิงคโปร์ ก็ได้ถุงน้ำร้อน และ กอเอ๊ยะไทยมาด้วย..






1 comment:

Anonymous said...

โถ่ๆๆๆ น่าสงสารจริงๆเจ้าเปี้ยก ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวแฟนก็หายโกรธเองแหล่ะ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับโรคเจ็บเท้านะจ้ะ

เค้าบอกว่า "The doctor dresses the wound and God heals it". (พระเจ้าหมายถึงจิตใต้สำนึก) เพราะฉะนั้นต้องคิดดีๆกับตัวเองนะจ้ะ

ขอให้หายเร็วๆ